top of page

แพลงก์ตอนพืช / แพลงก์ตอนสัตว์

แพลงก์ตอนพืช
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Phytoplankton
แพลงก์ตอนสัตว์
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Zooplankton

แพลงก์ตอน เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก มีรูปแบบการดำรงชีวิตโดยการล่องลอยอยู่ในมวลน้ำ อาจเคลื่อนที่ขึ้นลงได้ตามแนวดิ่งของมวลน้ำ แต่ไม่สามารถทวนกระแสน้ำได้ ต้องอาศัยการพัดพาของกระแสน้ำและทิศทางของลมเท่านั้น แพลงก์ตอนมีทั้งขนาดที่เล็กมากตั้งแต่ต้องส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ จนถึงขนาดที่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า แพลงก์ตอน เป็นผู้ผลิตเบื้องต้นของห่วงโซ่อาหารในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยเป็นอาหารของสัตว์น้ำวัยอ่อนชนิดต่าง ๆ ความหลากชนิดและความอุดมสมบูรณ์ของแพลงก์ตอน สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดถึงระดับความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ ชนิดและปริมาณของแพลงก์ตอนยังใช้ตรวจสอบมลภาวะของแหล่งน้ำได้เช่นกัน  อีกทั้งยังมีการนำแพลงก์ตอนมาใช้ในอุตสาหกรรม โดยอาจใช้ในรูปที่มีชีวิตหรือโดยการสกัดผลผลิตที่เซลล์ผลิตขึ้นมา เช่น ใช้เป็นอาหารเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำวัยอ่อน บางชนิดเป็นอาหารของมนุษย์ และเป็นยารักษาโรค และใช้ในการศึกษาทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการเพาะเลี้ยงอีกด้วย

แพลงก์ตอนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ตามความสามารถในการสร้างอาหารได้เอง
คือแพลงก์ตอนพืช และแพลงก์ตอนสัตว์

แพลงก์ตอนพืช
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Phytoplankton

แพลงก์ตอนพืช คือ สาหร่ายขนาดเล็กที่ล่องลอยอยู่ในมวลน้ำ สามารถสังเคราะห์อาหารได้เอง โดยใช้สารอนินทรีย์ ร่วมกับแสงจากดวงอาทิตย์โดยผ่านขบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง แพลงก์ตอนพืชจึงนับเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญต่อผลผลิตขั้นต้นในแหล่งน้ำ ซึ่งสารอินทรีย์ที่ถูกสร้างขึ้นจากแพลงก์ตอนพืชเหล่านี้ ส่วนหนึ่งจะถูกปล่อยออกมานอกเซลล์ในรูปของสารละลายอินทรีย์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของแบคทีเรีย หรือแม้กระทั่งแพลงก์ตอนพืชชนิดอื่น ที่ต้องการสารอินทรีย์ในการเติบโต ส่วนสารอินทรีย์ที่ถูกสร้างขึ้นอีกส่วนหนึ่งจะถูกสะสมไว้ในเซลล์เพื่อการเติบโต และจะถูกถ่ายทอดไปตามสายใยอาหาร โดยการถูกสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นกิน ซึ่งผลผลิตเหล่านี้จะถ่ายทอดไปสู่สัตว์น้ำขนาดใหญ่ ที่อาศัยหรือเข้ามาหาอาหารในแหล่งน้ำนั้น

พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ คือ มีบทบาทเป็นผู้ผลิตเบื้องต้นของห่วงโซ่อาหาร สร้างอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตจากคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ โดยใช้สารสีเป็นตัวเร่งและใช้แสงแดดเป็นพลังงาน ชนิดและความหนาแน่นของแพลงก์ตอนพืชจึงมีความสัมพันธ์ต่อสัตว์น้ำกลุ่มอื่น ๆ ในห่วงโซ่อาหาร และสามารถใช้เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำและระบบนิเวศได้
นอกจากนี้ ชนิดและปริมาณของแพลงก์ตอนพืชยังใช้ตรวจสอบมลภาวะของแหล่งน้ำได้ โดยในแหล่งน้ำปรกติจะมีแพลงก์ตอนมากชนิด และปริมาณของแต่ละชนิดมีไม่มาก ในทางตรงข้าม หากน้ำเกิดมลภาวะ จำนวนชนิดแพลงก์ตอนจะลดลงเหลือเพียง 2 - 3 ชนิดหรืออาจเหลือเพียงชนิดเดียว และมีจำนวนมากมายมหาศาล

แพลงก์ตอนสัตว์
ชื่อสามัญภาษาอังกฤษ : Zooplankton

แพลงก์ตอนสัตว์ คือ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสังเคราะห์อาหารได้เอง ต้องอาศัยสารอินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น มีขนาดเล็ก อาศัยและลอยไปมาตามกระแสน้ำ อาจจะว่ายน้ำหรือเคลื่อนที่เองได้บ้าง แต่ก็ยังเคลื่อนที่ตามอิทธิพลของกระแสน้ำ แพลงก์ตอนสัตว์ที่อาศัยอยู่ในมวลน้ำมีมากมายหลายขนาด ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวขนาดเล็กที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เช่น โปรโตซัว ไปจนถึงสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีหลายเซลล์ มีทั้งสัตว์ในระยะวัยอ่อนและระยะตัวเต็มวัย เช่น แมงกะพรุน ลูกปลา

แพลงก์ตอนสัตว์ ถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญและสัมพันธ์ในระบบนิเวศ

ปะการัง กล่าวคือแพลงก์ตอนสัตว์เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสังเคราะห์อาหารเองได้ ต้องอาศัยสารอินทรีย์ที่สังเคราะห์ขึ้นจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น แต่แพลงก์ตอนสัตว์ก็จัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความสำคัญมากในระบบนิเวศ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อาหาร และสายใยอาหารในการเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตปฐมภูมิและผู้บริโภคทุติยภูมิ ทำให้เกิดการส่งผ่านพลังงานขั้นต้นจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค ในลำดับที่สูงขึ้นไป และเป็นตัวช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และช่วยให้ระบบนิเวศมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น และเป็นตัวชี้ถึงเสถียรภาพของระบบนิเวศ ปริมาณของแพลงก์ตอนสัตว์สะท้อนถึงผลผลิตของระบบนิเวศและผลผลิตทางด้านเศรษฐกิจ

ความหลากหลายและความหนาแน่นของแพลงก์ตอนสัตว์ เป็นดัชนีชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ กล่าวคือ แหล่งน้ำใดมีแพลงก์ตอนสัตว์มากชนิดอาจกล่าวได้ว่าแหล่งน้ำนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ระดับหนึ่ง และยังเป็นดัชนีบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรประมง และสภาพแวดล้อมทางทะเลด้วย และนอกจากนี้ สัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ ก็มีช่วงชีวิตอยู่ในระยะของแพลงก์ตอนสัตว์และมีการกระจายตัวอยู่อย่างกว้างขวาง เช่นกัน แพลงก์ตอนสัตว์กลุ่มครัสเตเซียน มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญในระบบนิเวศทางทะเล เช่น แพลงก์ตอนสัตว์ถาวรจำพวกโคพีพอด และเคย จับกินแพลงก์ตอนพืชที่ล่องลอยอยู่ในมวลน้ำ และในขณะเดียวกันก็จะกลายเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของปลา และวาฬในลำดับต่อไป โดยเฉพาะแพลงก์ตอนสัตว์กลุ่มโคพีพอด หากมีปริมาณและความหลากหลายสูงแสดงว่า แหล่งน้ำนั้นมีปริมาณอาหารจำพวกแพลงก์ตอนพืชและแพลงก์ตอนสัตว์ ที่เป็นอาหารของพวกโคพีพอดอยู่มาก และมีความอุดมสมบูรณ์สูงด้วย ด้วยเหตุที่โคพีพอดเป็นแพลงก์ตอนสัตว์ กลุ่มที่มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี จึงสามารถพบได้โดยทั่วไป   

Gallery

ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ ๑

เลขที่ ๖ หมู่ที่ ๑,๖ ตำบลแหลมงอบ

อำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด

bottom of page