top of page

กระแตไต่ไม้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Drynaria quercifolia (L.) J. Sm.
วงศ์ : POLYPODIACEAE
เป็นเฟิร์นอิงอาศัย พบเกาะอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ หรือโขดหินที่ชุ่มชื้น ในป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง และป่าชายเลน
เหง้า ทอดยาว เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 - 4 เซนติเมตร ยาวได้ถึง 1 เมตร หรือมากกว่า มีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม
เกล็ดแคบ กว้างประมาณ 1 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 1.8 เซนติเมตร ปลายเรียวยาว ร ากสั้น มีรากขนอ่อนสีน้ำตาล
ใบ ใบเดี่ยว มีรูปร่างและหน้าที่ต่างกัน 2 แบบ
- ใบไม่สร้างอับสปอร์ เป็นรูปไข่ กว้าง 10 - 25 เซนติเมตร ยาว 15 - 35 เซนติเมตร ปลายแหลม โคนมน ขอบหยักเว้ามนตื้น ๆ เข้าหาเส้นกลางใบทั้ง 2 ด้าน ปลายมน ไม่มีก้านใบ ใบชนิดนี้จะมีสีเขียวอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้ง แต่ยังคงติดอยู่กับต้น ดังนั้นจะเห็นซ้อนกันหลายใบ เป็นที่สะสมของใบไม้แห้งที่ตกลงมา ซึ่งจะกลายเป็นปุ๋ยให้ต้น
- ใบสร้างอับสปอร์ กว้าง 20 - 35 เซนติเมตร ยาว 0.6 – 1 เมตร รูปคล้ายใบประกอบแบบขนนก ขอบหยักเว้าลึกเข้าหาเส้นกลางใบทั้ง 2 ด้าน แต่ละหยักลึกเกือบถึงเส้น กลางใบ ใบชนิดนี้มีสีเขียวตลอดอายุ เมื่อใบแก่แผ่นใบจะร่วงไป คงเหลือส่วนก้านใบและเส้นกลางใบติดอยู่กับต้น เส้นใบเป็นร่างแห กลุ่มอับสปอร์รูปกลมหรือรูปไข่ เรียงตัวค่อนข้างมีระเบียบ 2 ข้างของเส้นใบที่แบ่งกลางแต่ละแฉก
สรรพคุณ ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว รักษาฝี แผลบวม แผลฟกช้ำดำเขียว แผลพุพอง แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง
วิธีการปรุงยา
ส่วนหัว ปรุงเป็นยาต้มรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการและกระปริบประปรอย ขับระดูขาว แก้เบาหวาน แก้ไตพิการ เป็นยาคุมธาตุ เป็นยาเบื่อพยาธิ
หัวหรือยอดอ่อน ตำให้ละเอียดประคบบริเวณแผล
หัวหรือยอดอ่อน ต้มผสมกับยอดหลุมพอเป็นยาหม้อดื่มใบ ตำพอกแผล แก้ผลเรื้อรังและแผลพุพอง
Gallery

bottom of page




